ศูนย์การเรียนรู้สวนหลังบ้าน เปิดศึกมวยทะเล ดึงนักท่องเที่ยว หลังปิดมา 5 เดือน จากพิษไวรัสโควิด 19

เมื่อวันที่ 13 ก.ย.63 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายในศูนย์การเรียนรู้สวนหลังบ้าน หมู่ที่ 11 (บ้านห้วยขวาง) ต.ท่าผา อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี  นายอัครเดช วงษ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี เขต4 พร้อมด้วย นางดวงสมร พฤฒิกุล เกษตรจังหวัดราชบุรี และ น.ส.สรียา บุญมาก ผอ.ททท.สำนักงานราชบุรี ร่วมในพิธีเปิดการแข่งขัน “ศึกมวยทะเลคัพ ครั้งที่ 1”  ชิงรางวัลลูกหมู 3 ตัว  โดยมีผู้สนใจสมัครเข้าร่วมการแข่งขันมวยทะเล ครั้งนี้ จำนวน 8 คู่   หลังจากพิธีเปิด คู่มวยปฐมฤกษ์ เป็นการพบกันระหว่าง นายนิสันต์ ง่วนสำอาง (หรือที่ชาวบ้านโป่ง รู้จักกันดีในนาม กำนันฉุย)  กำนันตำบลท่าผา พบกับ น.ส.นงนุช เสลาหอม (ผู้ใหญ่เจี๊ยบ) ผู้ใหญ่บ้าน หมู่ 11 บ้านห้วยขวาง  ต.ท่าผา

และมวยคู่เอก ซึ่งเป็นสาวประเภท 2 ระหว่างฝ่ายแดง มิสแกรนด์ บ้านห้วยขวาง พบกับฝ่ายน้ำเงิน พอลล่า บ้านหัวทุ่ง  โดยทั้งคู่มาในชุดย้อนยุคสาวทองกวาว (จากภาพยนต์เรื่องมนต์รักลูกทุ่ง) ซึ่งการแข่งขันเรียกทั้งรอยยิ้มและเสียงหัวเราะจากผู้ชม  ผลปรากฏว่า มิสแกรนด์บ้านห้วยขวาง ที่อาศัยลีลาและโชคช่วย สามารถเอาชนะ พอลล่าบ้านหัวทุ่ง ไปได้ด้วยคะแนน 2 ต่อ 1 คว้าลูกหมูกลับไปเลี้ยงที่บ้าน 1 ตัว
     

 
น.ส.นงนุช เสลาหอม ผู้ใหญ่บ้านหมู่ที่ 11 ต.ท่าผา และเป็นประธานศูนย์การเรียนรู้สวนหลังบ้าน เปิดเผยว่า การจัดการแข่งขันศึกมวยทะเลคัพ ดังกล่าว  ที่จัดขึ้นก็เพื่อเป็นการประชาสัมพันธ์ ให้ประชาชนทั่วไปและนักท่องเที่ยวได้รับทราบว่าทางศูนย์การเรียนรู้สวนหลังบ้านแห่งนี้  ได้เปิดต้อนรับการท่องเที่ยวอีกครั้งหลังจากต้องปิดให้บริการระยะเวลานานกว่า 5 เดือน  เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด 19

โดยศูนย์เรียนรู้สวนหลังบ้าน เริ่มก่อตั้งด้วยความตั้งใจที่จะช่วยเหลือชาวบ้าน ทั้งเด็ก เยาวชน ผู้ด้อยโอกาส และผู้สูงอายุ โดยได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของในหลวงรัชกาลที่ 9 ผ่านกิจกรรมต่างๆ บนเนื้อที่ 7 ไร่ ประกอบด้วยกิจกรรมกินเพลินเดินสวนหลังบ้าน ชมสินค้าเกษตร สินค้าแปรรูป อาหารคาวหวาน ผลไม้ งานฝีมือของชาวบ้าน กิจกรรมเพลิดเพลินเดินสวน กิจกรรมที่ให้เด็กและเยาวชนได้ลงมือปฏิบัติด้านการเกษตร ธรรมชาศิลปะ วัฒนธรรม การละเล่นพื้นบ้าน  อาทิ ปั้นดินให้เป็นควาย เพ้นท์โอ่ง ล่องแพต้นกล้วย สไลเดอร์โคลน และกิจกรรมชกมวยทะเล ทั้งนี้นอกจากจะเป็นแนวทางแก้ไขและบำบัดทุกข์บำรุงสุขให้ชาวบ้านได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น  รวมไปถึงช่วยสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นในชุมชนแล้ว ยังช่วยอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรมพื้นบ้านของไทยให้คงอยู่ต่อไปอีกด้วย