บ้านโป่ง ชิง“นายกเทศมนตรี”เทศบาลตำบลเบิกไพร ใคร? จะปักธง

เทศบาลตำบลเบิกไพร อำเภอบ้านโป่ง จังหวัดราชบุรี มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาลตำบลเบิกไพร จำนวน 12 คน และเลือกตั้งนายกเทศมนตรีตำบลเบิกไพร ไปเมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564 ที่ผ่านมา พร้อมกันทั่วประเทศ ซึ่งผลการเลือกตั้ง ด.ต.สินชัย สุวรรณพฤกษ์ ได้รับการไว้วางใจจากชาวบ้านเทคะแนนเลือกให้เป็นนายกเทศมนตรี ต่ออีกสมัย แต่วันเวลาผ่านไปได้เพียงแค่ 10 เดือน “ด.ต.สินชัย ก็ต้องพบกับ วิบากกรรม” เพราะเมื่อวันที่ 19 มกราคม 2565 ผู้ว่าราชการจังหวัดราชบุรี ได้เซ็นคำสั่งให้ ด.ต.สินชัย พ้นจากตำแหน่งนายกเทศมนตรี ตามที่ทางคณะกรรมการ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลความผิด เรื่องการสร้างแพทำ“ตลาดน้ำเบิกไพร”ตั้งแต่ปี 2558 ภายหลัง ด.ต.สินชัย ได้ทำหนังสือโต้แย้งคำสั่งและต่อสู้ทางด้านกฎหมาย

หลังจากตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเบิกไพร ว่างลง ทางคณะกรรมการการเลือกตั้ง จึงจัดให้มีการเลือกตั้ง โดยทำการเปิดรับสมัคร เมื่อวันที่ 31 มกราคม ถึงวันที่ 4 กุมภาพันธ์ 2565 ที่ผ่านมา และได้กำหนดวันอาทิตย์ที่ 13 มีนาคม 2565 เป็นวันลงคะแนนเลือกตั้ง  แม้ว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะเป็นการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง แต่ชาวบ้านก็ให้ความสนใจ เพราะผู้ลงสมัครแข่งขัน มีทั้งอดีตนักการเมืองท้องถิ่นหลายท่านและอดีตกำนันที่นั่น ผู้สมัครรายแรกคือ น.ส.อัญชลีภรณ์ อุดมสุข (สจ.เอ๋ย) อดีตสมาขิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัดราชบุรี เขต อ.บ้านโป่ง ผู้สมัครรายที่สอง ร.ต.อ้อย  เพชรสน (หมวดอ้อย) อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลเบิกไพร  ส่วนผู้สมัครรายที่สาม นายสมไทย ขวัญชัยเกษมสุข (กำนันใช้) อดีตกำนันตำบลเบิกไพร และผู้สมัครวันสุดท้ายรายที่สี่ นายพงพันธ์ เจริญกิตติยศ (รองตั๋ม) อดีตรองนายกเทศมนตรีตำบลเบิกไพร 

น.ส.อัญชลีภรณ์ อุดมสุข ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เบอร์ 1 กล่าวว่า ปัจจุบันการเมืองท้องถิ่นประชาชนจะต้องมีส่วนเป็นผู้กำหนดทิศทางในการพัฒนา ไม่ใช่ว่าผู้ที่ได้รับเลือกตั้งเข้ามาทำหน้าที่ฝ่ายบริหารจะเป็นผู้กำหนดอย่างเดียว ประชาชนจะต้องมีส่วนเข้ามาร่วมแสดงความคิดเห็นในการทำงาน ซึ่งตำบลเบิกไพร เป็นบ้านเกิดที่ตนเติบโตมา ดังนั้นเมื่อมีความพร้อมตนก็อยากจะใช้ความรู้ความสามารถที่มี ขออาสาเข้ามาทำงาน เพื่อให้ตำบลเบิกไพรมีความเจริญรุ่งเรื่องอีกในหลายๆด้าน ซึ่งการลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีในครั้งนี้ ตนไม่รู้สึกหนักใจ ส่วนการลงพื้นที่หาเสียงก็ได้กระแสการตอบรับอย่างอบอุ่นจากประชาชน ทำให้ตนนั้นมีกำลังใจเป็นอย่างมาก อย่างไรก็ตามทุกสิ่งทุกอย่างก็ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนชาวตำบลเบิกไพร เท่านั้นที่จะเป็นผู้ชี้ขาด เมื่อถึงวันลงคะแนน

ด้าน ร.ต.อ้อย เพชรสน ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เบอร์ 2 กล่าวว่า การลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีตำบลเบิกไพร ครั้งนี้เป็นครั้งที่ 2  เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2564 ปีที่ผ่านมา ได้มีการเลือกตั้งนายกเทศมนตรี และเลือกตั้งสมาชิกสภาเทศบาล ทั่วประเทศ ซึ่งตนลงสมัครในครั้งนั้นสอบไม่ผ่าน แต่ก็มีประชาชนเดินทางมาลงคะแนนเลือกตนถึง 3,339 คะแนน ถือเป็นคะแนนเสียงที่บริสุทธิ์ ตนจึงตัดสินใจลงสมัครชิงตำแหน่งนายกเทศมนตรีครั้งนี้อีกครั้ง เพราะเชื่อว่าประชาชนที่เทคะแนนให้เมื่อครั้งที่ผ่านมา ยังคงนิยมและต้องการให้ตนเข้าไปทำงาน เพื่อแก้ปัญหาต่างๆและจะเป็นอีกทางเลือกใหม่ของชาวตำบลเบิกไพร  

ทางด้าน นายสมไทย ขวัญชัยเกษมสุข  ผู้สมัครนายกเทศมนตรี  เบอร์ 3  กล่าวว่า การเมืองไม่ว่าระดับใดจะต้องมีการแข่งขันกัน จึงจะมีสีสันและเป็นระบอบประชาธิปไตยที่สมบูรณ์ การลงสมัครครั้งนี้ ตนนั้นไม่วิตกกังวลอย่างใดและมีความมั่นใจมาก เพราะสมัยที่เป็นกำนันตำบลเบิกไพร มานานกว่า 12 ปี  ตนนั้นมีความผูกพันกับชาวบ้านในพื้นที่เป็นอย่างดี จึงทราบปัญหาต่างๆมากมาย จึงตัดสินใจลาออกจากกำนัน แล้วลงสมัครนายกเทศมนตรี ทั้งนี้ก็เพราะมีความตั้งใจที่จะอาสาเข้าไปทำหน้าที่ฝ่ายบริหาร เพื่อแก้ปัญหาในหลายๆด้าน ให้ตรงจุดและตรงกับความต้องการของชาวบ้าน 

ส่วน นายพงพันธ์ เจริญกิตติยศ ผู้สมัครนายกเทศมนตรี เบอร์ 4 กล่าวว่า สำหรับนโยบายการลงพื้นที่หาเสียง ตนจะเน้นเรื่องของการพัฒนาพื้นที่เป็นหลัก เช่นการพัฒนาถนนหนทาง ส่งเสริมเกษตรกรพืชไร่ ส่งเสริมการศึกษาและสนับสนุนด้านกีฬา รวมทั้งนโยบายพัฒนาประชาชนในแต่ละหมู่บ้าน ให้มีความเข้มแข็งสามารถช่วยเหลือตัวเองได้ ที่ผ่านมาขณะมีตำแหน่งเป็นรองนายกเทศมนตรี ได้ลงพื้นที่ก็ได้รับทราบปัญหาของชาวบ้านหลายอย่าง ดังนั้นตนจึงมีความตั้งใจและจริงใจที่จะขออาสาเข้าไปแก้ปัญหาให้กับประชาชน

 สรุปว่า บรรดาผู้สมัคร นายกเทศมนตรีเทศบาลตำบลเบิกไพร ต่างฝ่ายต่างมีชั้นเชิงในการต่อสู้ด้วยกันทั้งสิ้น แต่สุดท้ายผลแพ้ชนะและใครจะปักธง ก็ต้องขึ้นอยู่กับประชาชนชาวตำบลเบิกไพร ผู้มีสิทธิทั้งหมด 12,909 คน ที่จะร่วมแรงร่วมใจกันออกมาใช้สิทธิใช้เสียง เลือกคนที่เห็นว่าเหมาะสมที่สุด เพื่อเข้าไปทำหน้าที่ผู้บริหารและพัฒนาให้เกิดความเจริญก้าวหน้า เพื่อเป็นศักดิ์ศรีแก่ตำบลเบิกไพร ต่อไป