เจ้าของร้านข้าวต้มดัง ดำเนินสะดวก เก็บกระเป๋ามีเงินสดกว่า 2 แสนบาท แจ้งตำรวจ คืนเจ้าของ

เมื่อวันที่ 26 มี.ค.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก  ร.ต.อ.ธนวัฒน์  สุดแก้ว รอง สว.(สอบสวน) สภ.ดำเนินสะดวก  จ.ราชบุรี  ว่าเมื่อเวลา 22.15 น.วันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา  นายคมสัน  ศรีวัฒนา อายุ 41 ปี เจ้าของร้านข้าวต้ม "อาเหลียง ข้าวต้มโอ่ง" ตั้งอยู่เลขที่ 196 ม.4 ต.ท่านัด อ.ดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี ได้เดินทางมาที่ สภ.ดำเนินสะดวก พร้อมกับกระเป๋าเงิน(แบบสะพาย) สีน้ำตาล เป็นของลูกค้าที่มาทานอาหารที่ร้าน แล้วลืมไว้ที่โต๊ะอาหาร  เพื่อให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตามหาเจ้าของกระเป๋า มารับคืน

จากการตรวจสอบภายในกระเป๋าเงิน พบเงินสด 205,166  บาท  บัตร ATM จำนวน 3 ใบ และบัตรจำประตัวประชาชนของ น.ส.ณัฐธิดา  สุขเริงรื่น อายุ 29 ปี เป็นชาวดำเนินสะดวก จ.ราชบุรี  เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงได้ติดต่อ น.ส.ณัฐธิดา ให้เดินทางมาที่ สภ.ดำเนินสะดวก พร้อมนำหลักฐานมาแสดงว่าเป็นเจ้าของกระเป๋าดังกล่าว   น.ส.ณัฐธิดา เปิดเผยว่า ช่วงเช้าวันที่ 25 มี.ค. ตนได้เบิกเงินสดนำใส่ในกระเป๋าใบนี้ไว้  แล้วเดินทางไปทำงานตามปกติ จนกระทั่งช่วงค่ำตนพร้อมเพื่อน ได้พาลูกค้ามานั่งทานอาหารที่ร้าน"อาเหลียง ข้าวต้มโอ่ง" และได้ลืมกระเป๋าไว้ที่ร้าน  ซึ่งหลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อมา  ก็รู้สึกดีใจ เพราะคิดไม่ออกว่าได้ลืมกระเป๋าเงินไว้ที่ไหน  เพราะวุ้นอยู่กับการทำงานจนเบลอไปหมดนึกไม่ออก  ตนต้องขอขอบคุณ  คุณคมสัน  เจ้าของร้านอย่างมาก ที่นำกระเป๋าเงินมาส่งคืนให้พร้อมกับเงินจำนวนทั้งหมดที่อยู่ภายในกระเป๋า ครั้งนี้
     

ด้าน นายคมสัน  ศรีวัฒนา เจ้าของร้าน"อาเหลียง ข้าวต้มโอ่ง" เปิดเผยว่า ช่วงประมาณ 21.00 น.คืนวันที่ 25 มีนาคม  ได้มีลูกค้า 4 คน เข้ามานั่งทานอาหารในร้าน โดยนั่งอยู่ที่โต๊ะ 5  หลังจากทานอาหารได้สักพัก ก็ขอเปลี่ยนโต๊ะ โดยไปนั่งอีกโต๊ะใกล้ๆ  หลังจากทานอาหารเสร็จ  ก็เรียกให้ทางร้านเช็ดบิล แล้วพากันเดินออกจากร้านไปขึ้นรถยนต์ที่จอดขับออกไป ซึ่งตนเองก็ไม่ได้สนใจอะไร  จนกระทั่งพนักงานในร้าน ได้นำกระเป๋าเงิน สีน้ำตาล มาให้ที่เคาน์เตอร์ พร้อมกับบอกว่าเป็นของลูกค้าที่ลืมไว้ที่โต๊ะ  ตนเองจึงเก็บกระเป๋าไว้เพื่อรอลูกค้ามารับคืน  โดยไม่ได้มีการเปิดดูทรัพย์สินภายในกระเป๋า จนกระทั่งร้านปิดลูกค้า ก็ยังไม่มารับกระเป๋าคืน ตนเองจึงนำกระเป๋าเงินมาเปิดดูต่อหน้ากล้องวงจรปิดของทางร้าน เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ  โดยไม่ได้หยิบเงินหรือของมีค่าออกมาจากกระเป๋า แต่ก็เห็นว่ามีแบงก์พันหลายใบมัดไว้เป็นปึก  จึงตัดสินรีบนำกระเป๋าเงิน มาแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน และขอให้เจ้าหน้าที่ตำรวจตามหาเจ้าของกระเป๋าที่แท้จริง ให้มารับคืนไป