ส.ส.มุ่ง ชี้การจัดสรรวัคซีน ในจังหวัดราชบุรี ไม่เป็นธรรม

เมื่อวันที่ 16 ก.ค.64 นายอัครเดช วงศ์พิทักษ์โรจน์ ส.ส.ราชบุรี เขต 4 เปิดเผยว่า ตนเองในฐานะคณะอนุกรรมาธิการด้านคุรุภัณฑ์และไอซีที ได้เข้าร่วมประชุมกรรมาธิการงบประมาณรายจ่ายปี 2565 สภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 14 ก.ค.64 ที่ผ่านมา  ซึ่งได้มีการเชิญปลัดกระทรวงสาธารณสุข และอธิบดีกรมควบคุมโรคติดต่อ มาให้ข้อมูล โดยในที่ประชุมดังกล่าว ได้มีการพูดคุยกันถึงเรื่องวัคซีนป้องกันโควิด 19  ตนจึงได้ตั้งประเด็นสอบถามผู้บริหารระดับสูงของกระทรวงสาธารณสุข ถึงความไม่เป็นธรรมในการจัดสรรวัคซีน ในจังหวัดราชบุรี

 เนื่องจากในเดือน ก.ค.64 จังหวัดราชบุรี ได้รับการจัดสรรวัคซีน จำนวน 78,000 โดส ในช่วงสัปดาห์แรก (วันที่ 5 – 11 ก.ค.) แบ่งเป็นวัคซีนซิโนแวก จำนวน 5,900 โดส และแอสตร้าเซนเนก้า จำนวน 10,900 โดส รวมทั้งสิ้น 16,800 โดส แต่ปรากฏว่า อ.บ้านโป่ง ได้รับวัคซีนเพียง 700 โดส เท่านั้น ทั้งที่ อ.บ้านโป่ง เป็นเมืองเศรษฐกิจ มีจำนวนประชากรมากเป็นอันดับ 2 และยังมีประชากรแฝงที่เป็นกลุ่มแรงงานต่างถิ่นและแรงงานข้ามชาติมากที่สุดของจังหวัด รวมไปถึงมีผู้ลงทะเบียนขอรับวัคซีน ผ่านแอพพลิเคชั่นหมอพร้อมมากที่สุดอีกด้วย ซึ่งจากข้อมูลของ รพ.บ้านโป่ง วันที่ 16 ก.ค.64 พบว่า มียอดผู้ป่วยโรคโควิด-19  สะสมจำนวน 684 ราย เป็นผู้ป่วยรายใหม่ 29 ราย จากกลุ่มคลัสเตอร์ใหญ่ 3 แห่ง จนต้องมีการตั้งโรงพยาบาลสนาม ขึ้นมา 

นายอัครเดช กล่าวต่อไปอีกว่า แต่ในทางกลับกัน เป็นที่น่าสังเกตว่า วัคซีนได้ถูกจัดสรรไปกองที่อยู่อำเภอใดอำเภอหนึ่งในปริมาณที่เยอะมาก แม้แต่ในส่วนของเจ้าหน้าที่ อสม. ใน อ.บ้านโป่ง  ซึ่งเป็นด่านหน้า ก็ได้รับการฉีดวัคซีนเพียง 17.9 เปอร์เซ็นต์ เท่านั้น ในขณะที่บางอำเภอ ได้รับการฉีดครบ 100 เปอร์เซ็นต์ ไปแล้ว  ซึ่งเป็นการบ่งชี้ได้ว่า มีการเมืองเข้าไปแทรกแซง เพราะตัวเลขของกลุ่ม อสม. ที่ได้รับวัคซีนดูผิดปกติ เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่สอดคล้องกัน  ตนจึงต้องการให้ท่านผู้ตรวจราชการ หรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เข้ามาตรวจสอบความผิดปกติที่เกิดขึ้น เพราะถ้าหากยังคงเอาการเมืองเข้ามาแทรกแซง แล้วก็ยังเอาชีวิตของพี่น้องประชาชน มาใช้ในเรื่องของการเมือง ซึ่งตนมองว่ามันไม่ถูกต้อง