ความคิดเห็นชาวไร่อ้อย พื้นที่ตำบลกรับใหญ่ บ้านโป่ง หลังเลื่อนแบน 3 สาร ไปอีก 6 เดือน

หลังจากที่ทางคณะกรรมการวัตถุอันตรายได้มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกเลิกการแบน “ไกลโฟเซต” และให้เปลี่ยนไปใช้มาตรการจำกัดการใช้ดังเดิม เนื่องจากมีผลกระทบต่อการนำเข้าวัตถุดิบในภาคอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ พร้อมกับให้เลื่อนการแบน “พาราควอต - คลอร์ไพริฟอส” ออกไปอีก 6 เดือน โดยได้มอบหมายให้กรมวิชาการเกษตร ดำเนินการหาสารทดแทน หรือวิธีการอื่นที่เหมาะสม รวมถึงมาตรการในการลดผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อภาคส่วนที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งผลกระทบต่อสุขภาพของประชาชน และให้นำเสนอคณะกรรมการวัตถุอันตราย พิจารณาภายในระยะเวลา 4 เดือน

 
เกี่ยวกับเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 28 พ.ย.62 ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจาก นายสุวัฒน์  แต่งตามพันธ์ อายุ 33 ปี  เกษตรกรผู้ปลูกอ้อยในพื้นที่ ต.กรับใหญ่ อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี  ว่า ตนและครอบครัวนั้นปลูกอ้อย มานาน  20 ปี ในเนื้อที่ 300 ไร่ ซึ่งพื้นที่ตำบลกรับใหญ่ จะมีเกษตรกรจำนวนไม่น้อย ยึดอาชีพปลูกอ้อย ส่งขายให้กับโรงงานน้ำตาล  ตนและเกษตรกรคนอื่นๆในพื้นที่ ยังคงมีความจำเป็นต้องใช้สารพาราควอต และไกลโฟเซต เพื่อกำจัดวัชพืชในช่วงก่อนเตรียมแปลงปลูกอ้อย หลังจากฉีดพ่นไปได้ประมาณ 1 เดือน ก็จะเริ่มลงมือปลูก เมื่อต้นพันธุ์เข้าสู่เดือนที่ 4 ของการปลูก ก็จะฉีดพ่นซ้ำอีกครั้ง เนื่องจากเป็นช่วงที่มีฝนตกชุก และต้นอ้อยยังมีขนาดเล็ก หากใช้เครื่องจักรในการกำจัดวัชพืช อาจทำให้หน่ออ้อยได้รับความกระทบกระเทือนจนเสียหายได้ แต่หลังจากอ้อยสามารถเจริญเติบโตยืนต้นได้ ก็จะใช้รถไถขนาดเล็กเข้าพรวนดินในร่องต่อไปอีก 6 เดือน จึงจะเก็บเกี่ยวผลผลิต และด้วยรูปแบบการปลูกของเกษตรกรในพื้นที่เป็นลักษณะอุตสาหกรรมเกษตร ส่งอ้อยเข้าโรงงาน  ไม่ใช่แบบครัวเรือนที่ปลูกแล้วนำมาแปรรูปขายเอง จึงจำเป็นต้องใช้สารกำจัดวัชพืชอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
   

     
จากการประกาศผลเลื่อนการแบนออกไปอีก 6 เดือน โดยส่วนตัวแล้วตนมองว่า มาตรการดังกล่าวไม่ได้ช่วยเหลือเกษตรกร เพราะในที่สุดเกษตรกรก็ต้องหาสารทดแทนตัวใหม่มาใช้ ซึ่งราคาอาจจะแพงกว่า 2 – 3 เท่าตัว แต่ประสิทธิภาพไม่เท่าของเดิม ในทางกลับกันการประกาศแบนครั้งนี้ กลุ่มเกษตรกรมองว่าอาจเอื้อผลประโยชน์บางอย่างกับกลุ่มธุรกิจอีกด้วย ทั้งนี้ตนและเกษตรกรด้วยกันในตำบลกรับใหญ่ อยากให้ภาครัฐเข้ามารับฟังปัญหาจากเกษตรกรโดยตรง ก่อนจะมีการตัดสินใจทำอะไรลงไป ในขณะเดียวกันก็ควรให้ความรู้และกำกับดูแลให้เกษตรการใช้สารเคมีอย่างถูกวิธี